รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
จงบำเพ็ญด้วยความถ่อมตนและจริงใจ จงยกย่องพระเจ้า ยกย่องอาจารย์ทั้งหลายเสมอ ที่ปกป้องคุณจากศัตรูของคุณเอง ซึ่งก็คืออัตตาของคุณ อัตตาอันทะเยอทะยาน ความโลภ ในชื่อเสียง และผลประโยชน์ของคุณ นั่นคือศัตรูที่เลวร้ายที่สุดที่คุณมีได้ เลวร้ายกว่าปีศาจ เลวร้ายกว่าผี เลวร้ายกว่าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายอื่น ๆ บนดาวเคราะห์ใบนี้หรือที่ไหนก็ตาม เพราะถ้าพวกเขาเป็นปีศาจ แต่คุณมีศีลธรรม คุณมั่นคง ในการบำเพ็ญทางจิตวิญญาณของคุณ คุณบริสุทธิ์ในหัวใจของคุณ คุณรักพระเจ้า คุณรักอาจารย์ และคุณรักอาจารย์อื่น ๆ อีกมากมาย แล้วปีศาจไม่สามารถเข้าใกล้คุณ ไม่ต้องพูดถึงการทำร้ายคุณ ผีไม่สามารถเข้าใกล้ได้ด้วยซ้ำ พวกเขาต้องอยู่ห่างออกไป นับสิบไมล์ แต่ถ้าคุณโลภ ทะเยอทะยาน และสร้างชื่อเสียง และโชคลาภ ด้วยการแสร้งทำจอมปลอม หรือจินตนาการของปลอม ซึ่งไม่แน่นอน แล้วคุณจบแน่ จากนั้นปีศาจจะอยู่รอบ ๆ คุณ ตลอดเวลา และคอยเติมอัตตาของคุณ ด้วยความเพ้อฝันทุกชนิด และอาจแสดงพลังเวทมนตร์เล็กน้อย ให้กับคุณ เพื่อให้คุณคิดว่าคุณคือคนสำคัญ ไม่ ไม่ ไม่ นั่นไม่ใช่พุทธะพุทธะไม่แสดงเวทมนตร์ ไม่ใช้เวทมนตร์ด้วยซ้ำ เว้นแต่ว่าบางครั้งท่านจำเป็นต้องทำ เพื่อพบลูกศิษย์บางคน ท่านบินภายในกลุ่มคนของท่านเอง และคนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้ ยกเว้นผู้ศรัทธาที่เชิญท่าน ยกตัวอย่างเช่นนั้น ท่านไม่ได้ทำอย่างนั้นเพื่ออวด ท่านเรียนรู้สิ่งนั้นมาก่อน หรือบางสิ่งมาหาท่านโดยธรรมชาติ ฉันบอกคุณไปแล้ว แต่ท่านไม่ได้ทำเช่นนั้น เพียงเพื่อให้ผู้คนปรบมือให้ท่าน กล่าวสรรเสริญท่าน หรือให้ท่านทานอาหารกลางวัน มากกว่าที่ท่านสามารถทานได้ด้วยซ้ำพุทธะกระทำทุกสิ่ง อย่างถูกต้อง อย่างเหมาะสม ถูกเวลา และถูกขณะเท่านั้น สิ่งอื่น ๆ ที่ท่านได้กระทำ เช่น การปรากฏตน ต่อหน้าเหล่าลูกศิษย์ในคุก เพื่อปลอบโยนพวกเขา เหมือนกับพระราชินี (ไวเทหิ) ในอดีต ซึ่งพระนางถูกจำคุก และพระนางต้องการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระนางทำไม่ได้ พระนางจึงอธิษฐานต่อพระพุทธเจ้า ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงปรากฏ ในกายแสงของพระองค์ คือนิรมาณกาย ไม่ใช่กายที่เป็นร่างกาย แต่มันดูเหมือน ร่างกายอย่างแน่นอน และบางครั้ง คุณยังสามารถสัมผัสมันได้ด้วย คุณสามารถจับมือ หรืออาจารย์โอบกอดคุณด้วยซ้ำ – เหมือนร่างกายจริง แต่มันเป็นนิรมาณกายและพระพุทธเจ้าทรงแสดงกายของ พระองค์ในคุกของพระนาง ซึ่งไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ แน่นอน มันเป็นคุกที่เข้มงวด ไม่มีใครสามารถเข้าไปข้างในนั้นได้ พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ในที่นั้น เป็นเวลานานเพื่อสอนวิธี ของพระอมิตาภพุทธเจ้าให้พระนาง เพื่อให้พระนางทำสมาธิ ภาวนาที่นั่น ณ ดินแดนของพระอมิตาภพุทธเจ้า และต่อมาพระนางจะได้ เกิดใหม่ที่นั่น แต่พระนางจะต้องชัดเจน พระพุทธเจ้าทรงบอกแก่พระนาง อย่างละเอียดว่าดินแดนของ พระอมิตาภพุทธเจ้าเป็นอย่างไร และพระนางต้อง ท่องจำทั้งหมดนั่นทุกวัน และทรงคิดถึงรายละเอียด ทั้งหมดนั้นด้วย และทรงสวด พระนามของพระอมิตาภพุทธเจ้า มันไม่ใช่เพียงการสวด พระนามพระพุทธเจ้าเท่านั้น เมื่อพระพุทธเจ้าทรงสอนพระนาง มันเป็นรายละเอียดทั้งหมด และพระองค์ตรัสว่า พระนางต้องระลึกไว้เสมอว่า ในใจของพระนางมีทัศนียภาพ ของดินแดนของพระอมิตาภพุทธเจ้า นั่นเป็นวิธีที่พระนางสามารถ ไปเกิดใหม่ที่นั่นได้ดังนั้นมันไม่ง่ายขนาดนั้นเลยจริง ๆ คุณไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อได้ ขนาดนั้นในการจดจำ รายละเอียดทั้งหมด ตัวอย่างเช่น ดอกไม้ดูเป็นอย่างไร น้ำในทะเลสาบน้ำทิพย์นั้น ดูเป็นอย่างไร ในดินแดนของพระอมิตาภพุทธเจ้า และนกที่นั่นร้องเพลงอย่างไร มีน้ำเสียงชนิดไหน ทำนองชนิดไหน เป็นต้น ดังนั้นนั่นคือนิรมาณกาย ของพระพุทธเจ้าเพื่อช่วยเหลือ สาวกในยามที่เป็นที่ต้องการ แต่พระองค์ไม่ได้ใช้เวทมนตร์ หรือสิ่งอื่นใดของพระองค์เลย มันแค่เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เกิดขึ้น เพราะพระพุทธเจ้ามีพลังชนิดต่าง ๆ มากมายที่ใช้เพื่อช่วยเหลือ สาวกของพระองค์ได้และส่วนใหญ่มีแต่สาวก หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่เห็นมัน แต่บางที คนนอกมองเห็นมันบ้าง เหมือนในครอบครัว แม่ไม่เห็น แต่เด็กที่ไม่ได้รับการประทับจิตเห็น อาจารย์มาที่บ้านของเธอ แล้วทำสิ่งนี้และสิ่งนั้น ตัวอย่างเช่น หรือแม้กระทั่งคนนอกที่ไม่ได้ ประทับจิต สมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนมาและเห็นอาจารย์ในบ้าน กำลังทำสิ่งต่าง ๆ หรือให้พระพร มันอาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่า จะเกิดขึ้นแบบนั้นเสมอไปโดยมากพระพุทธเจ้าทรงแสดง ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น หรือเสมอ ๆ แต่แม้กระทั่งเสมอ ๆ แต่ไม่ใช่ทุกคนสามารถมองเห็นได้ ยกตัวอย่างเช่น แม้ในที่ประชุมของฉันทั้งหมด เมื่อลูกศิษย์ทั้งหมดอยู่ที่นั่น ก็มีเพียงลูกศิษย์บางคนเท่านั้น จะเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จไปและมา หรือปาฏิหาริย์อื่น ๆ หรือปาฏิหาริย์ของอาจารย์ ในที่ประชุมนั้น โดยให้พระพรแก่ใครและใคร แต่คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้เห็นสิ่งใด ไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งใดเลย ในเวลานั้นมีเพียงกลุ่มลูกศิษย์เท่านั้น ที่เห็นมัน เรามีหลักฐานเหล่านั้นอยู่บ้างเล็กน้อย เยอะมาก – แค่บางที พวกเขาไม่ได้เขียน โดยปกติแล้วฉันบอกพวกเขาไม่ให้ เขียน แต่บางครั้งพวกเขาก็อดไม่ได้ พวกเขาต้องเขียน พวกเขาชอบที่จะแบ่งปันกับคนอื่น ๆ เพื่อกระตุ้นให้คนอื่น ๆ บำเพ็ญต่อไปครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์ของฉันบางคน ไปปฏิบัติธรรมที่ไหนสักแห่ง แล้วพระภิกษุชาวทิเบตหลายรูป ไล่ตามพวกเขา วิ่งตามพวกเขาและถามพวกเขาว่า "คุณมาจากไหน?" คุณกำลังทำอะไร? เหตุใดพระพุทธเจ้ามากมายจึงเสด็จ มายังที่คุณอยู่ และมีแสงมากมาย? และสิ่งทั้งหมดนั้น พระภิกษุชาวทิเบตบางรูปก็ทำแบบนั้น กับผู้ที่เรียกว่าลูกศิษย์ของฉันด้วย ฉันคิดว่าฉันจำได้ว่ามี ลูกศิษย์คนหนึ่งพูดเรื่องเช่นนั้น ฉันจำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ และที่ไหน – ไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาจจะเป็นที่อาศรมนิวแลนด์ หรือสักแห่งแต่มันไม่ได้มีแค่ที่นั่นเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาจะพูดบางอย่างกับฉัน ตลอดเวลาโดยลำพัง และถามฉันว่า "นั่นเป็นระดับไหน?" เพราะในระดับหนึ่ง มีฉากต่าง ๆ มากมาย มันเหมือนเป็นจุดสังเกตทางภูมิทัศน์ เพื่อให้คุณสามารถจดจำได้ว่า คุณอยู่ที่ไหน เหมือนกับลูกศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งบังเอิญไปอยู่ ในดินแดนพระอมิตาภพุทธเจ้า เมื่อพวกเขากลับมาบ้าน และดูพระสูตรของ พระอมิตาภพุทธเจ้า พวกเขาเปรียบเทียบแล้วกล่าวว่า “โอ้ เราอยู่ใน ดินแดนของพระอมิตาภพุทธเจ้า” นั่นแน่นอน” มันไม่ใช่ภาพลวงตา เพราะเธอเองก็รู้เกี่ยวกับ ช่วงระหว่างที่มองเห็นนิมิตภายใน แต่เมื่อเธอออกมาจากมัน ก็มีความสงสัยบางอย่าง เข้ามาว่ามันคือที่ไหน ไม่ว่าพวกเขาถามฉัน หรือถ้าฉันไม่อยู่ที่นั่น พวกเขาไป "ถาม" พระสูตรบางบท หรือขอให้พระพุทธเจ้าอธิบายอย่างไรก็ตาม เรารู้แล้วว่า อันไหนคือภาพลวงตา อันไหนไม่ใช่ เพราะตอนประทับจิต คุณได้รับการสอนด้วย ฉันสอนวิธีการจำแนก อาจารย์ที่แท้จริงภายให้คุณ หรือมายาผู้สร้างภาพลวงตา หลอกลวงคุณ และลวงตาคุณ และคุณทุกคนรู้เรื่องนั้น มันเป็นแค่พวกที่เรียกกันว่าลูกศิษย์ บางคน พวกเขาไม่ใช่ลูกศิษย์ พวกเขาเป็นปีศาจไปแล้ว และพวกเขาไม่สำนึกผิด พวกเขาแค่เข้ามาทำร้าย ความรัก ความใจดีของฉัน และต้องการใช้พลังของฉัน เพื่อลวงตาผู้คนเพื่อเงิน เพื่อชื่อเสียง และเพื่อโอกาส ในการล่วงละเมิด ผู้ที่ซื่อสัตย์ และบริสุทธิ์คนอื่น ๆ เช่น พวกเขากลายเป็นแม่ชี หรือพระกับพวกเขา แล้วพวกเขาก็ล่วงละเมิดพวกเขา ยกตัวอย่างเช่นนั้น แล้วคุณรู้เรื่องนั้นแล้ว มีหลักฐานเล็กน้อย จากบุคคลภายนอกด้วย แม้แต่ จากแม่ชีจากนอกกลุ่มของฉัน จากแม่ชีชาวพุทธ และพวกเขาตำหนิฉันด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย จนกระทั่งไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านไป โอ้ พระเจ้า พระเจ้าทรงทราบเรื่อง แย่มาก แย่มาก โอ้ พระเจ้า แย่มาก ฉันรู้สึกเสียใจมาก สำหรับผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ทั้งหมดแต่พวกเขารู้เกี่ยวกับฉัน ถ้าพวกเขารู้ว่าฉันคืออาจารย์ของเขา ทำไมพวกเขา จึงไม่มาหาฉันแทนล่ะ? เพราะพวกเขาสามารถสมัครได้ พวกเขาแค่ใส่ชื่อของพวกเขาลงไป แล้วเราก็รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน จากนั้นฉันก็สามารถส่งพระของฉัน ไปหาพวกเขาได้ พวกเขาไม่ต้อง มาหาฉันด้วยซ้ำ เราจ่ายเงินเพื่อพวกเขา พวกเขาไม่ต้อง เสียเงินเพื่อฉัน แม้แต่ค่าตั๋วเครื่องบินด้วยซ้ำ บางคนสามารถจ่ายได้ พวกเขามาพบฉัน ถ้าพวกเขาต้องการ โดยความสมัครใจของพวกเขาเองและก่อนการประทับจิต ฉันได้แจ้งให้พระหรือแม่ชี ที่ได้รับแต่งตั้งสำหรับพื้นที่นั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น คนไหนไป เอาหลัก (เวียดนาม) ในวันไหน และคนไหนไปประเทศไทย วันไหนและคนไหน ไปมองโกเลียในวันไหน คนไหนไปอเมริกาหรือยุโรป ยกตัวอย่าง เป็นต้น ฯลฯ เราทุกคนรู้อยู่แล้ว พวกเขาให้ ชื่อบุคคล ที่ต้องการประทับจิตแก่ฉัน แล้วฉันอนุมัติ ส่วนใหญ่ฉันอนุมัติ ฉันไม่ค่อยปฏิเสธ – บางทีอาจจะปฏิเสธสักสองสามครั้ง จนถึงตอนนี้ ทั้งชีวิตของฉัน แค่สองสามครั้ง โดยปกติแล้ว ฉันอนุมัติพวกเขาทุกคน แล้วพวกเขามา ในวันใดวันหนึ่งแล้วเขา (/เธอ) ให้การประทับจิตแก่กลุ่มนั้น พวกเขาไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ หากพระ (/แม่ชี) ของฉันไปพัก บ้านของพวกเขาชั่วคราว ฉันจ่ายเงินทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่พัก อาหาร ค่าน้ำมัน เครื่องบิน หรือตั๋วอะไรก็ตาม ฉันไม่เคยรับสิ่งใด จากลูกศิษย์คนใด ทั้งก่อน ในระหว่าง หลังการประทับจิต ชีวิตหรือความตาย ไม่เลย ตั้งแต่ฉันเป็นเด็ก อย่างไรก็ตามฉันไม่เคย ต้องการเอาเงินจากใคร ๆ อยู่แล้วPhoto Caption: พวกเราเป็นผู้มาใหม่ แต่เรารู้จักเราดีเหมือนเพื่อน