รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของกาลเวลา มนุษย์ได้รับพรจากพระเจ้า ให้มีส่วนร่วมใน สิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี้ อย่างไรก็ตาม ในทุกยุคทุกสมัย เรามักมองข้ามความกตัญญู และความอ่อนน้อมถ่อมตน พระเจ้าจึงส่ง อาจารย์ผู้รู้แจ้งจำนวนมาก มาเตือนเราถึงพลังและความรัก ที่ไม่สิ้นสุดของพระองค์ หลายศตวรรษที่ผ่านมา ปัญญาของอาจารย์ผู้รู้แจ้ง ได้รับการปกป้อง และแบ่งปันผ่านพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมุ่งหวังที่จะฟื้นฟู ความศรัทธาในพระเจ้า ของมนุษยชาติ และวางรากฐาน สำหรับการเติบโตทางจิตวิญญาณ เมื่อศรัทธาได้รับการปลูกฝัง มันจะเบ่งบานเป็นพลังชี้นำ ที่นำมาซึ่งความสงบภายใน และเผยให้เห็นจุดมุ่งหมาย ที่แท้จริงของเราในชีวิต อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เพิกเฉย หรือไม่เคารพศรัทธา ที่ตนมีต่อพระเจ้า อาจหลงออกจากเส้นทาง แห่งความถูกต้อง สูญเสียการชี้นำ ทางจิตวิญญาณและศีลธรรม ไททานิก เรือในตำนาน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น เรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุด ในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1910 มีความยาว 269 เมตร และมีน้ำหนัก 46,000 ตัน เรือลำนี้มี ช่องกั้นน้ำ 16 ช่อง มันถูกออกแบบ ให้สามารถลอยน้ำได้ แม้ว่าจะมีน้ำท่วมถึงสี่ช่องก็ตาม จึงได้รับฉายาว่า "เรือไม่มีวันจม" ในวันที่เรือไททานิกออกเดินทาง เมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 โทมัส แอนดรูว์ส วิศวกรต่อเรือของเรือไททานิก ถูกนักข่าวถามเกี่ยวกับ ความปลอดภัยของเรือ วิศวกรโทมัส แอนดรูว์ส เคยตอบไว้ว่า “แม้แต่พระเจ้า พระองค์เอง ก็ไม่สามารถทำให้เรือลำนี้จมได้” เมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 แอนดรูว์สนำ ทีมวิศวกรซ่อมบำรุง ขึ้นเรือไททานิก เพื่อออกเดินทางครั้งแรก เป้าหมายของเขา คือ ตรวจสอบการทำงานของเรือ และดูแลการปรับเปลี่ยนขั้นสุดท้าย หลังจากอยู่กลางทะเลได้สี่วัน ในวันที่ 14 เมษายน แอนดรูว์ส ส่งโทรเลขถึงเพื่อน ๆ คุยโวว่า เรือลำนี้แทบจะสมบูรณ์แบบเลย – ซึ่งนับเป็นความมหัศจรรย์ ของวิศวกรรมศาสตร์ของมนุษย์ แต่เมื่อเวลา 23.40 น. ของวันเดียวกันนั้น เรือไททานิก ชนภูเขาน้ำแข็ง ในขณะที่แอนดรูว์ส อยู่ในสำนักงานของเขา เพียงหนึ่งชั่วโมง หลังการชน เรือไททานิก ก็จมลงสู่ก้นมหาสมุทร อันหนาวเหน็บ โดยคร่าชีวิตผู้คน ที่โชคร้ายกว่า 1,500 คน รวมถึงวิศวกร โทมัส แอนดรูว์ส ด้วย ภายหลังมีผู้รอดชีวิต เล่าว่า เห็นแอนดรูว์ส หลายครั้งก่อนที่เรือจะจม มีการค้นหา ผู้โดยสารที่เหลือ และให้กำลังใจพวกเขา ให้เข้มแข็งไว้ ชื่อเสียงและความมีเสน่ห์ ทำให้ผู้คนตาบอดได้ และความชื่นชมจากแฟน ๆ สามารถทำให้พวกเขา ลืมศรัทธา และรู้สึกว่า ตนเองอยู่ยงคงกระพัน ดาราฮอลลีวูด มาริลีน มอนโร มีชีวิตที่ใคร ๆ ก็อิจฉา – ทั้งความสวย ชื่อเสียง และความมั่งคั่ง เธอกลายเป็น หนึ่งในสัญลักษณ์ของความมีเสน่ห์ ที่โด่งดังที่สุดในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 และต้นคริสต์ทศวรรษ 1960 ในปี ค.ศ. 1962 ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ เธอไล่บาทหลวงบิลลี เกรแฮม ที่กำลังจัดรายการ เผยแผ่ศาสนา อยู่ใกล้ ๆ ออกไป และพูดจาไม่เคารพต่อพระเจ้า บาทหลวงบอกกับ ดาราฮอลลีวูดว่า พระเจ้าทรงส่งเขามาเพื่อแบ่งปัน คำสอนในพระคัมภีร์กับเธอ แต่ มาริลีนปฏิเสธเขา โดยกล่าวว่า “ฉันไม่ต้องการพระเยซูของคุณ” ในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1962 มาริลีน มอนโร ถูกพบว่า เสียชีวิตในบ้านส่วนตัวของเธอ ในลอสแองเจลีส การเสียชีวิตถูกระบุว่าเป็นการฆ่าตัวตาย จากการใช้ยานอนหลับเกินขนาด อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีต่าง ๆ มากมาย ยังค้างมานานหลายทศวรรษ นับตั้งแต่เธอเสียชีวิต การเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา ของนักแสดงผู้โชคร้ายนี้ ยังค้างคาจนถึงทุกวันนี้ โดยยังคงไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง เดอะบีเทิลส์ วงดนตรีที่โด่งดัง ของศตวรรษที่ 20 สร้างความประทับใจให้กับ แฟนเพลงหลายล้านคนทั่วโลก กับยอดขายแผ่นเสียง และ การแสดงที่น่าประทับใจของพวกเขา จอห์น เลนนอน หนึ่งในผู้ก่อตั้งวง ไม่เพียงแต่เป็นพลังสร้างสรรค์ เบื้องหลังดนตรีของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการกำหนด รูปแบบและวิสัยทัศน์ที่โดดเด่น เฉพาะตัวของวงอีกด้วย ในช่วงที่โด่งดังที่สุด เลนนอนได้สร้างข้อโต้แย้งทั่วโลก ด้วยคำกล่าวที่ปลุกปั่น เกี่ยวกับพระเยซู (มังสวิรัติ) ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ซึ่งทำให้เกิดกระแสถกเถียง ในหมู่สาธารณชนอย่างดุเดือด ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1966 จอห์น เลนนอน ให้สัมภาษณ์กับ นิตยสารอเมริกันว่า "ศาสนาคริสต์จะสิ้นสุดลง และจะหายไป" ผมไม่จำเป็นต้องโต้แย้งเรื่องนั้น ผมมั่นใจ พระเยซูถูกเสมอ โอเค แต่เรื่องราว ของพระองค์ธรรมดาเกินไป ตอนนี้ เราได้รับความนิยม มากกว่าพระองค์” ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เลนนอนชี้ให้เห็นว่าสาธารณชน หลงใหลใน เดอะบีเทิลส์ มากกว่าพระเยซูคริสต์ และความศรัทธาในศาสนาคริสต์ ก็กำลังเสื่อมถอยลง ขณะที่ดนตรีร็อคอาจอยู่ได้ นานกว่าศรัทธาเหล่านั้น แม้ว่าความคิดเห็นของเขา จะไม่ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาใด ๆ ในสหราชอาณาจักร แต่ก็ก่อให้เกิด ปฏิกิริยาตอบโต้อย่างหนัก ในสหรัฐอเมริกา ในอีกห้าเดือนต่อมา เมื่อนิตยสารวัยรุ่น เดตบุ๊ก ได้พิมพ์ซ้ำบทสัมภาษณ์ดังกล่าว มีการประท้วงเกิดขึ้น ผู้คนเผาแผ่นเสียง และสินค้าของ เดอะบีเทิลส์ พร้อมทั้งขู่เลนนอน จนทำให้วงต้องยุติ การทัวร์คอนเสิร์ต สิบสี่ปีหลังจาก เลนนอนกล่าววาทะ ที่น่าอับอายว่า "เป็นที่นิยมมากกว่าพระเยซู" เขาก็ถูกแฟนเพลงคนหนึ่ง ยิงเสียชีวิต และ เดอะบีเทิลส์ก็ต้องยุบวงในที่สุด อาเกนอร์ เด มิรันดา อาราอูโฮ เนโต หรือที่รู้จักกันดี ในชื่อบนเวทีว่า คาซูซ่า เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่ง ในศิลปินร็อคที่โด่งดังของบราซิล ในยุค 1980 และยัง เป็นผู้บุกเบิกกระแสดนตรีร็อค และป็อปในประเทศอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เขาพบ จุดจบที่น่าเศร้า หลังจาก แสดงความไม่เคารพต่อพระเจ้า ระหว่างการแสดงที่ คาเนซิโอ ในเมืองริโอเดอจาเนโร ขณะสูบบุหรี่อยู่บนเวที คาซูซ่าได้พ่นควันขึ้นไปในอากาศ อย่างเย่อหยิ่งและพูดว่า "พระเจ้า นั่นเพื่อคุณ" เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1990 คาซูซ่าเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ ในวัย 32 ปี และทุกข์ทรมาน กับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ความเย่อหยิ่ง การมองข้าม ค่านิยมอันศักดิ์สิทธิ์ และคำพูดปลุกปั่น สามารถส่งผลสะท้อนในทันที ตัวอย่างที่น่าจดจำ คือ ประธานาธิบดีทันเครดู เนวิส แห่งบราซิล บุคคลสำคัญ ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของบราซิล ระหว่างการหาเสียงชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 1984 เขาแสดงให้เห็นถึงอัตตาและ ความภาคภูมิใจที่มากเกินไป จนไม่เคารพต่อค่านิยมศักดิ์สิทธิ์ ที่เขาเคยยึดมั่น ในปี ค.ศ. 1984 ระหว่างการหาเสียง ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ทันเครดู เนวิส ประกาศว่า "แม้แต่พระเจ้า ก็ไม่สามารถปลดผม ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีได้ ถ้าผมได้รับคะแนนเสียง จากพรรคของผม 500,000 คะแนน!" แนวิส ได้รับคะแนนเสียง ตามที่เขาต้องการและได้รับเลือก เป็นประธานาธิบดีของบราซิล เมื่อวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 1985 โดยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ทางอ้อมจากคณะผู้เลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ในวันก่อนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1985 เนวิส ล้มป่วยหนักและเสียชีวิต ใน 39 วันต่อมาด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบ เขาไม่มีโอกาสดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีอีกเลย คัมภีร์ไบเบิลและมรดกทางศาสนา สมควรได้รับการเคารพ เนื่องจากมีคำสอนศักดิ์สิทธิ์ และคำแปลอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ถ่ายทอดมาจากพระผู้เป็นเจ้า โดยข้ามผ่านขอบเขต ของเวลาและอวกาศ คริสติน ฮิววิตต์ หนึ่งในนักข่าว ที่มีชื่อเสียงที่สุดของจาเมกา การทำงานของเธอโด่งดัง ในสื่อทั้งระดับท้องถิ่น และนานาชาติ อย่างไรก็ตาม เธอได้แสดงความคิดเห็น ที่ไม่เคารพต่อพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเป็นการกระทำที่นำไปสู่ โศกนาฏกรรมในไม่ช้า คริสติน ฮิววิตต์ นักข่าวชาวจาเมกา เคยกล่าวว่า “พระคัมภีร์ไบเบิล คือหนังสือ ที่แย่ที่สุดเท่าที่มีมา” ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2006 เธอถูกเผาจนเสียชีวิตในรถของเธอ วันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1993 ระหว่างการบรรยายที่คอสตาริกา ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ (วีแกน) ได้อธิบายอย่างลึกซึ้ง ถึงประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ของการเคารพนับถือพระเจ้า และการยึดมั่น ในพระบัญญัติของพระองค์ และการรักษาพระบัญญัตินั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีต่อพระเจ้า ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีต่อพระเยซู แต่ดีสำหรับเราเท่านั้น! พระเจ้าไม่ต้องการอะไรจากเรา พระเยซูไม่ต้องการอะไรจากเราเลย แต่พระเจ้าทรงรู้ พระเยซูทรงรู้ว่า ถ้าเราประพฤติตามพระบัญญัติ โลกของเราจะดีขึ้น และเราจะได้รับประโยชน์มากขึ้น มีความสงบสุขมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น แม้เราจะอยู่บนโลกแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่พระองค์ทรงปรารถนาให้เรา สามารถเพลิดเพลิน กับความผาสุก ความสบาย และยกย่องตัวเอง แทนที่จะต้องทนทุกข์ และ มีความทุกข์เกือบตลอดชีวิตของเรา ก็เท่านั้น แต่เพราะบางครั้ง เราไม่สามารถรักษาไว้ได้ เพราะเรารู้สึกว่าพระเจ้า อยู่ห่างไกล เราจึงละเลย พระบัญญัติของพระเจ้า แล้วเราก็เจอกับความหายนะ เราก็ทุกข์ เราร้องไห้ แล้วเราก็อธิษฐานต่อพระเจ้า ดังนั้น บัดนี้พระเจ้า ต้องส่งผู้ส่งสารลงมาอีกครั้ง บางทีอาจใช้นามอื่น เพื่อเตือนสติเรา และสอนเราถึงหนทาง แห่งความสุขอีกครั้ง [...] ถ้าคุณคิดว่าไม่มี ผู้ส่งสารและผู้ปลอบโยน อย่างน้อยเราก็ต้อง รักษาพระบัญญัติของพระเจ้า คิดและอธิษฐาน ต่อพระเจ้าอยู่เสมอ มิเช่นนั้น พระคุณของพระเยซู จะไม่มาถึงเรา และ การเสียสละของพระองค์ จะสูญเปล่าสำหรับเรา และเรา จะไม่มีความกตัญญูต่อพระองค์เลย